วันจันทร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2556
วันพฤหัสบดีที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2556
Update ความคืบหน้าการสร้างเว็บภาค ด้วย CMS ( Part2 )
จาก... วันศุกร์ที่ 25 มกราคม 2556
commit [ 6:f6a0e8ef87ef ] ใน commit ผมแก้ไขตรงส่วนของแถบเมนูด้านบนสุดของหน้าเว็บเพจ
จากรูปข้างบนนี้จะเห็นได้ว่า ผมใช้ไฟล์รูปที่ทำจาก Photoshop มาเรียงต่อกันเป็นแถบเมนู ซึ่งเป็นรูปแบบก่อนหน้าที่ผมจะทำการปรับเปลี่ยน เมื่อผมปรับเปลี่ยนแล้วจะเป็นดังรูปด้านล่างนี้
ในการสร้างแถบเมนูนี้ ผมสร้างโดยใช้ CSS กำหนดค่าต่างๆของแถบเมนูดังกล่าว ซึ่งผมได้กำหนดให้เมื่อนำเมาส์มาวางในบริเวณปุ่มใดปุ่มหนึ่ง จะปรากฎดังรูปที่ 1 (ตัวอักษรจะกลายเป็นสีดำ) หลังจากนั้นเมื่อเราคลิกที่ตำแหน่งนั้นก็จะปรากฎดังรูปที่ 2 (สีของปุ่มกับตัวอักษรจะเปลี่ยนไป)
รูปที่ 1 ขณะนำเมาส์มาวาง
วันพุธที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2556
Update ความคืบหน้าการสร้างเว็บภาค ด้วย CMS ( Part1 )
จาก... วันอังคารที่ 22 มกราคม 2556
commit [ 5:19256e672de4 ] version number and hash
ผมคิดว่าเว็บที่ผมสร้างขึ้น มีความคล้ายกับเว็บภาค ประมาณ 30%
สร้างเข้าไปดูเว็บภาคได้ตามลิงค์นี้ครับ : http://www.ee.kmutnb.ac.th/
รูปนี้ เป็นหน้าเว็บที่ผมสร้างขึ้น (หน้าตาคล้ายเว็บภาค ประมาณ 30%)
ความคืบหน้าของเว็บที่สร้างขึ้น : ยังไม่สร้างลิงค์ไปยังหน้าเพจอื่นๆได้ครับ เนื่องจากผมยังไม่ได้ทำการเชื่อมโยงลิงค์ เเละยังไม่ได้สร้างหน้าเพจอื่นๆ แต่องค์ประกอบหลักของหน้าเพจตอนนี้ก็เกือบจะสมบูรณ์ แต่ผมยังมีปัญหาในการแก้ไขช่องว่างระหว่างภาพยังไม่ได้ครับ อย่างตรงบริเวณแถบเมนูทางด้านบนและทางด้านซ้ายมือ จะเห็นเป็นช่องว่างสีขาวๆ
สิ่งที่อยากให้มีเพิ่มเติมในเว็บภาค
- เว็บบอร์ด
- รวมประสบการณ์จากรุ่นพี่ที่จบไปแล้ว พร้อมชีวิตการทำงาน (อยู่ในเว็บบอร์ด)
- รวมแหล่งฝึกงาน และสมัครงาน (อยู่ในเว็บบอร์ด)
- flowchart พร้อมแนะแนวทางการเลือกลงวิชาเรียน (ผมพึ่งเข้าไปดู พึ่งรู้ว่าในเว็บภาคมี flowchart แล้ว เเต่อยากให้มีการแนะแนวทางการเลือกลงวิชาเรียน)
- นาฬิกาบอกเวลา และวันที่ ณ ปัจจุบัน
ส่วนเรื่องของระยะเวลาในการจัดทำสิ่งเหล่านี้ ผมจำไม่ได้เเล้วว่าผม เขียนไปนานเท่าไรบ้างต่อการสร้างสิ่งที่กล่าวมาข้างต้น ต้องขออภัยด้วยครับ
ส่วน ข้อคิดที่ได้จากการอ่านหนังสือ "ธรรมะทุกลมหายใจ"
- การนั่งสมาธิเป็นสิ่งที่ดี กับตนเอง ทำให้เรามีจิตใจที่เย็นขึ้น มีสมาธิในการเรียนมากขึ้น จะบอกว่า มันดี ทำไปเถอะ
- หากทำหน้าที่เป็นลูกที่ดีไม่ได้แล้ว ก็อย่าหวังว่าจะทำหน้าที่อื่นดีได้
เต็มอิ่มไปกับอารมณ์ขัน ความคิดสร้างสรรค์ สัจธรรม และแนวคิดดีๆ
จากผู้เขียน
รวมทั้งฮาวทูที่ผู้เขียนพิสูจน์ด้วยตัวเองมาแล้วว่าใช้ได้จริง
พร้อมบทปุจฉา-วิสัชนาที่จะให้ความกระจ่างในทางธรรมแก่ผู้อ่าน
ผู้เขียน : ปิยพร พรรณเชษฐ์ สำนักพิมพ์ : อมรินทร์ธรรมะ ราคา 119 บาท
วันพุธที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2556
Django CMS
อันดับแรกเลยก่อนที่เราจะใช้ CMS นั้นเราต้องมีการ install เสียก่อน แต่ในการ install ของผมมันจะมีปัญหา คือเกิด error แต่ผมจะแก้โดยการลบ Django 1.5 ออกก่อน แล้วหลังจากนั้นผมจะใช้ Django 1.4 แทน
ขั้นแรก เริ่มต้นจากการหาตำแหน่งที่อยู่ของโปรแกรม Django 1.5
python -c "import sys; sys.path = sys.path[1:];
> import django;
> print(django.__path__)"
หลังจากนั้น ก็จะแสดง output ออกมา ['/usr/local/lib/python2.7/dist-packages/django']
ต่อมาให้ใช้คำสั่ง sudo rm -r xxx เพื่อลบโปรแกรมเก่าออก ซึ่ง xxx ในที่นี้คือ /usr/local/lib/python2.7/dist-packages/django (เป็นตำแหน่งที่อยู่ของโปรแกรมเดิม)
ขั้นสอง เป็นการ install Django อันดับแรกเราต้องเข้าไปโหลด Django มาก่อน
ตามลิงค์นี้ https://www.djangoproject.com/download/
ผมจะเลือกโหลด Django-1.4.3.tar.gz ต่อมาให้ทำการแตกไฟล์ด้วยคำสั่ง tar xzvf Django-1.4.3.tar.gz หลังจากนั้นก็
cd Django-1.4.3 ก่อนที่จะพิมพ์คำสั่งนี้ ให้เข้าไปยังตำแหน่งที่โหลดไฟล์มาก่อน แล้วตามด้วยคำสั่ง sudo python setup.py install เพื่อทำการ install ถือเป็นการลง Django เสร็จเรียบร้อยแล้ว
ขั้นสาม เป็นการ install CMS
sudo aptitude install python2.7 python-setuptools python-imaging
sudo aptitude install python2.7 python-setuptools python-imaging
sudo easy_install pip
sudo pip install django-cms south
sudo aptitude python-psycopg2
sudo aptitude install python-mysql
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Commit " Starting your Django project
"
ใน commit นี้เป็นการสร้าง project ที่ชื่อว่า myproject
หลังจากนั้นให้ runserver ดู ด้วยคำสั่ง python manage.py runserver ก็จะปรากฎดังรูปนี้
Commit " Installing and configuring django CMS in your Django project
"
ใน commit นี้ จะเป็นการ set ค่าให้กับไฟล์ settings.py
Commit " URL configuration
"
ใน commit นี้ จะเป็นการ set ค่าให้กับไฟล์ urls.py
Commit " Creating templates
"
ใน commit นี้ จะเป็นการสร้าง template ขึ้นมาทั้งหมด 3 ไฟล์ด้วยกัน คือ base.html , template_1.html และ template_2.html
หลังจากที่ทำตามขั้นตอนที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว เมื่อเรา runserver ก็จะปรากฎดังรูปนี้
สามารถศึกษาได้ตามลิงค์นี้ : http://docs.django-cms.org/en/2.2/getting_started/tutorial.html
วันอังคารที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2556
Report of reading
ที่มาของการบันทึกเรื่องราวการอ่านหนังสือนี้ เนื่องจากเกิด “โครงการรณรงค์ให้กรุงเทพมหานครเป็นมหานครแห่งการอ่าน” โดยกรุงเทพฯได้เป็นเมืองหนังสือโลกปี 2556 ซึ่งการอ่านก่อให้เกิดความเข้าใจ และสร้างสรรค์สิ่งดีงามให้กับคนเรา และสังคมมากมาย
อ่านเพื่อรัก : รักตนเอง รักผู้อื่น รักโลก
อ่านเพื่อรู้ : รู้จักตนเอง รู้จักผู้อื่น รู้จักโลก
อ่านเพื่อรู้ : รู้จักตนเอง รู้จักผู้อื่น รู้จักโลก
รักและรู้ สู่การสร้างสรรค์พัฒนาชีวิตและสังคมให้ก้าวหน้าทุกด้าน รื่นรมย์
มีสันติสุขและสันติภาพ
สามารถคลิกเข้าไปดูรายละเอียดได้ : http://www.bangkokreadforlife.com/index.php/bkk-read-for-life
และนี่แหละ คือ ที่มาของการสร้าง app readBook และต้องขอขอบคุณอาจารย์โสภณ อภิรมย์วรการ ที่ได้เห็นถึงความสำคัญของการอ่านหนังสือ และได้มอบหนังสือให้แก่นักศึกษาคนละ 1 เล่ม ซึ่งผมได้หนังสือที่ชื่อว่า "ธรรมะทุกลมหายใจ"
เต็มอิ่มไปกับอารมณ์ขัน ความคิดสร้างสรรค์ สัจธรรม และแนวคิดดีๆ
จากผู้เขียน
รวมทั้งฮาวทูที่ผู้เขียนพิสูจน์ด้วยตัวเองมาแล้วว่าใช้ได้จริง
พร้อมบทปุจฉา-วิสัชนาที่จะให้ความกระจ่างในทางธรรมแก่ผู้อ่าน
ผู้เขียน : ปิยพร พรรณเชษฐ์ สำนักพิมพ์ : อมรินทร์ธรรมะ ราคา 119 บาท
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Commit " start app "
link : https://bitbucket.org/5311565070/report-of-reading/commits/eaec2c37bcaaa50d478ff6888b1af06a50d92110
ใน commit
นี้เป็นการสร้าง app readBook โดยใช้คำสั่ง python manage.py startapp readBook
ในที่นี้ readBook คือชื่อ app ที่เราต้องการที่จะสร้างขึ้นมา ซึ่ง app
ที่เราสร้างขึ้นมา ก็จะประกอบไปด้วยไฟล์ 4 ไฟล์ ด้วยกัน คือ
1.) __init__.py
2.) models.py
3.) tests.py
4.) views.py
Commit " create models.py and add admin.py "
link : https://bitbucket.org/5311565070/report-of-reading/commits/51516139a73f104c502ae0833bee22f0be0bd3a6
ใน commit เป็นการออกการ การรับข้อมูลจากผู้ใช้ โดยผมจะใช้ในรูปแบบของ admin เพื่อง่าย และสะดวกต่อการป้อนข้อมูลและแก้ไขข้อมูล
ในส่วนนี้จะมีการรับข้อมูลในส่วนของ วันที่อ่าน (date) , ชื่อหนังสือ (title) , ชื่อผู้แต่ง (author) , เวลาที่เริ่มอ่าน (startTime) , เวลาที่หยุดอ่าน (endTime) , จำนวนหน้าที่อ่าน (amountPage) , สิ่งที่อ่านนั้นเกี่ยวกับอะไร (detall) , ได้ข้อคิดอะไรจากสิ่งที่อ่าน (eye) , คุณชอบหรือไม่ (liking) , เพราะอะไร (why)
ในส่วนนี้จะมีการรับข้อมูลในส่วนของ วันที่อ่าน (date) , ชื่อหนังสือ (title) , ชื่อผู้แต่ง (author) , เวลาที่เริ่มอ่าน (startTime) , เวลาที่หยุดอ่าน (endTime) , จำนวนหน้าที่อ่าน (amountPage) , สิ่งที่อ่านนั้นเกี่ยวกับอะไร (detall) , ได้ข้อคิดอะไรจากสิ่งที่อ่าน (eye) , คุณชอบหรือไม่ (liking) , เพราะอะไร (why)
Commit " create homepage and show data "
link : https://bitbucket.org/5311565070/report-of-reading/commits/b1d5e56ff93de9e8d7e1da4f00c1b358d32600e3
ใน commit เป็นการออก template โดยใช้ภาษา HTML ในการสร้างหน้าเว็บเพจ ซึ่งในที่นี้ผมจะสร้างอยู่ 2 ส่วนคือ หน้าหลัก และหน้าโชว์ข้อมูล
วันพุธที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2556
Easy and beautiful documentation with Sphinx
Easy and beautiful documentation with Sphinx
Install sphinx and sphinx-quickstart
เป็นการติดตั้ง sphinx โดยใช้คำสั่ง $ easy_install sphinx
ต่อมาเป็นการสร้าง documentation project แบบ quick start โดยใช้คำสั่ง $ sphinx-quickstart เมื่อพิมพ์คำสั่งนี้แล้ว มันก็จะรัน โดยให้เรากด enter ไปเรื่อยๆ จนเสร็จ เมื่อการสร้าง documentation project เสร็จแล้วจะมีไฟล์ที่ปรากฎ ดังนี้
- Makefile
- _build
- _static
- conf.py
- index.rst
ซึ่งแต่ละไฟล์ดังกล่าว จะมีหน้าที่ดังนี้
- Makefile เป็นเหมือนไฟล์ที่รวบรวม library ต่างๆ ไว้สำหรับนำไปใช้ได้
- _build เป็น folder ที่ไว้สำหรับแสดง output
- _static เป็น folder ที่ไว้ใช้เก็บพวกข้อมูลต่างๆ เช่น พวกรูปภาพ
- conf.py เป็นไฟล์ที่กำหนดค่าของ sphinx ( ไฟล์นี้จะมีเมื่อมีการสร้าง new documentation project ขึ้น)
- index.rst เป็นไฟล์ที่ใช้สำหรับเชื่อมต่อกับไฟล์อื่นๆ
- Makefile เป็นเหมือนไฟล์ที่รวบรวม library ต่างๆ ไว้สำหรับนำไปใช้ได้
- _build เป็น folder ที่ไว้สำหรับแสดง output
- _static เป็น folder ที่ไว้ใช้เก็บพวกข้อมูลต่างๆ เช่น พวกรูปภาพ
- conf.py เป็นไฟล์ที่กำหนดค่าของ sphinx ( ไฟล์นี้จะมีเมื่อมีการสร้าง new documentation project ขึ้น)
- index.rst เป็นไฟล์ที่ใช้สำหรับเชื่อมต่อกับไฟล์อื่นๆ
Getting started
เป็นการเริ่มต้นการทดสอบ เริ่มแรกให้เข้าไปแก้ไขในไฟล์ index.rst โดยการเพิ่มคำว่า example (ในการย่อหน้า ให้กด spaces 3 ครั้ง) ลงในตำแหน่งตามด่านล่างนี้
Contents:
.. toctree::
:maxdepth: 2
example
หลังจากนั้นให้สร้างไฟล์ example.rst โดยใส่ข้อมูลดังนี้ (เฉพาะข้อความที่เป็นสีส้ม)
This is a Title
===============
That has a paragraph about a main subject and is set when the '='
is at least the same length of the title itself.
Subject Subtitle
----------------
Subtitles are set with '-' and are required to have the same length
of the subtitle itself, just like titles.
Lists can be unnumbered like:
* Item Foo
* Item Bar
Or automatically numbered:
#. Item 1
#. Item 2
Inline Markup
-------------
Words can have *emphasis in italics* or be **bold** and you can define
code samples with back quotes, like when you talk about a command: ``sudo``
gives you super user powers!
ต่อมาเป็นการสร้างไฟล์ html โดยใช้คำสั่ง $ make html เมื่อสร้างเสร็จจะมี folder 2 folder ขึ้นมา
- doctrees
- html
- doctrees
- html
หลังจากนั้นให้เราเข้าไปคลิกที่ไฟล์ index.html ( doc/_build/html/index.html ) เพื่อเข้าไปดูรูปแบบ html ที่เรา make ขึ้น จะมีลักษณะดังนี้
Graphic
เป็นการใช้กราฟฟิก ในที่นี้จะเป็นการใส่รูปภาพ โดยใช้คำสั่ง ..image:: ตำแหน่งของรูปภาพ เช่น ..image:: _static/system_activity.jpg
เราต้องนำรูปที่เราจะใช้มาไว้ที่ doc/_build/html/_static ก่อน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)